วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หนังสือน่าอ่าน

ผู้เขียน : Kuroyanagi  Tetsuko (คุโรยานางิ  เท็ตสึโกะ)

ผู้แปล : ผุสดี  นาวาวิจิต


“โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง” เล่มนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งฉบับภาษาญี่ปุ่นได้ตีพิมพ์ไปแล้ว 6 ล้านเล่ม และแปลเป็นภาษาอังกฤษจำหน่ายในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ตลอดจนตีพิมพ์ในจีน ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ โปแลนด์ และฟินแลนด์ เป็นการการันตีว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก


โดยเนื้อหาในเล่มพบเรื่องจริงของเด็กหญิงของโรงเรียนประถมฯ แห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว และครูที่รักและเชื่อมั่นในตัวเด็กทุกๆ คน ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงไม่นานนัก เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของครูและนักเรียน ซึ่งอาจเป็นความทรงจำที่ดีในวัยเด็กของผู้อ่านจึงทำให้หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในหมู่คนญี่ปุ่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่… ร่วมติดตามความน่ารักไปกับโต๊ะโตะจังได้ในเล่ม

เรียนไม่เก่งแต่พิชิตข้อสอบอังกฤษได้สบาย


ผู้เขียน : อาจารย์อู๋
สำหรับน้องๆ ที่ไม่เก่งวิชาภาษาอังกฤษทั้งหลาย จะดีแค่ไหนถ้าจะสามารถพิชิตข้อสอบไปได้อย่างง่ายๆ“เรียนไม่เก่งแต่พิชิตข้อสอบอังกฤษได้สบาย”เล่มนี้ เป็นสุดยอดเคล็ดลับที่จะทำให้คะแนนสอบภาษาอังกฤษดีเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูง โดยใช้ได้ทั้งข้อสอบ GAT O-NET และข้อสอบรับตรงทุกสถาบัน
โดยเนื้อหาในเล่มได้รวมสุดยอดเคล็ด (ไม่) ลับวิชาเตรียมสอบสำหรับน้องๆ ที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเอาเสียเลย หรือสอบกี่ครั้งคะแนนก็ออกมาย่ำแย่เหมือนเดิม สามารถพิชิตข้อสอบภาษาอังกฤษสุดหินไปได้ มีโอกาสเอ็นทรานซ์ติดได้คณะที่ตนเองต้องการ
ซึ่งสำหรับใครที่กลัวแกรมม่าบอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่การรวมหลักแกรมม่ามาให้ปวดหัว และไม่ใช่คู่มือเก็งข้อสอบสุดโหด ฉะนั้นสำหรับใครที่อยากสอบติดโดยไม่เก่งภาษาอังกฤษลองมาพิสูจน์กันได้ในเล่ม

ผู้เขียน : ศ. นพ.วรพงษ์  มนัสเกียรติ
“สวยด้วยเลเซอร์” เล่มนี้ ว่าด้วยเรื่องของเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเลเซอร์ เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนไปเลเซอร์ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้การทำเลเซอร์โดยเฉพาะกับเรื่องของความสวยความงามอย่างผิวหน้ามีบทบาทอย่างมาก ณ ขณะนี้ หนังสือเล่มนี้จึงสามารถตอบโจทย์และไขข้อข้องใจของใครหลายคนได้เป็นอย่างดี

โดยเนื้อหาในเล่มจะกล่าวถึงการทำเลเซอร์ ทั้งรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า ตลอดจนแผลเป็น ผิวแตกลาย ลบริ้วรอยเหี่ยวย่น กำจัดขน รวมทั้งการลบรอยสัก เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนไปทำเลเซอร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือรู้ถึงข้อดี-ข้อเสียของการทำเลเซอร์ และขั้นตอนการดูแลรักษาหลังจากไปทำเลเซอร์มาแล้ว เมื่อทราบแล้วจะได้แก้ปัญหากันได้ตรงจุด รู้ว่าปัญหาผิวของเราคืออะไร ควรรักษาด้วยเลเซอร์แบบไหน จะดีแค่ไหนถ้ามีผู้ช่วยเล่มเล็กๆ นี้ในมือ ให้คุณรู้ทุกขั้นตอนก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์…


ที่มา : http://www.xn--72c9aba7fdrb5aob9c2nc.com/155

ดวงปี2559

ดูดวงปี 2559 ราศีมังกร 2559 
ดวงชะตาราศีมังกร 2559 อิทธิพลของดาวพฤหัสบดี ในปี 2559
ดวงของชาวราศีมังกรในช่วงนี้จะเกี่ยวกับการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางของคุณนั้นจะเป็นเรื่องงานหรือการเดินทางท่องเที่ยวก็จะดีทุกด้านเดินทางไปยังทิศใดก็จะโชคดี ในช่วงนี้ชาวราศีมังกรท่านที่จะมีการเซ็นสัญญาทำธุรกิจคุณจะมีโอกาสต่อรองมากขึ้นและจะประสบความสำเร็จตามที่คุณคาดหมาย 
ดาวพฤหัสบดีโคจรย้ายเข้าสู่ราศีตุลย์ ดวงการงานของคุณในช่วงที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีการงานของคุณจะกำลังจะรุ่งโรจน์ จะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งเงินเดือนจะดีขึ้นทำมาค้าขายร่ำรวย คุณจะโชคดีเมื่อได้มีการเสี่ยงท้ายลุ้นรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง 

ซื้อเพชรมือโปร

4C วิธีเลือกซื้อเพชรมือโปร


1. Color (สี) 

สีของเพชร หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า น้ำเพชร 

"น้ำ 100" ก็คือเพชรที่มีสี "D"  , E (น้ำ 99) , F (น้ำ 98)  เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่ม "เพชรไร้สี" ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดค่ะ   

แต่เนื่องจากเพชรไร้สีนั้นหาได้ยากและมีคุณค่าสูงที่สุด   

ดังนั้นส่วนใหญ่เครื่องประดับเพชรที่ขายกันอยู่โดยทั่วไป จึงมักจะใช้เพชร ที่มีความขาวอยู่ที่ระดับ

G (น้ำ 97) H (น้ำ 96), I, (น้ำ 95) J (น้ำ 94) 

2. Clarity (ความสะอาด)

พิจารณาจากความชัดเจน มากน้อย ของตำหนิ หรือสิ่งเจือปน ที่มีอยู่ในเพชร ซึ่งมักไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านะคะ แต่ต้องใช้กล้องที่มี กำลังขยาย 10 เท่าเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้ความสะอาดใสของเพชรนั้น แบ่งไว้เพียง 10 ระดับ 


3. Cut (การเจียระไน )

วัตถุประสงค์หลักของ "การเจียระไน" คือการทำให้เพชรเป็นประกาย เงางาม ที่สุดพิจารณาจากความสวยงามโดยรวม สัดส่วน ความสมมาตร การขัดเงาผิว และอีกหลายอย่างด้วยกัน      

โดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ชั้นนำ ของโลกได้จัดระดับไว้เพียง 5 ระดับคือ 
Excellent (ดีเยี่ยม), Very Good (ดีมาก), Good (ดี), Fair (ปานกลาง), Poor (แย่) 

4. Carat (กะรัต)

"น้ำหนักของเพชร" ซึ่งมีหน่วยเป็น "กะรัต" 
โดยเพชร 1 กะรัตจะหนักเท่ากับ 200 มิลลิกรัม หรือ 100 "สตางค์"
4Cซื้อเพชรแบบมือโปร


โครงการบรรณสัญจร

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 ห้องสมุดประชาชนอำเภอลาดยาวเข้าร่วมรับหนังสือจากโครงการบรรณสัญจรจากท่านผู้ว่าฯธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ณ ห้องประชุมชั้น 5 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ นำโดยท่านผอ.ทรงสวัสดิ์ ศรีธัญรัตน์ ผอ.กศน.จังหวัดนครสวรรค์

สมาร์ทโฟนวินโดวส์ 10

สมาร์ทโฟนวินโดวส์ 10
เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันมานาน กับสมาร์ทโฟนตระกูลลูเมีย หลังจากย้ายบ้านจากโนเกีย มาอยู่ไมโครซอฟท์ ผู้เขียนค่อนข้างจะห่างกับสมาร์ทโฟนลูเมียพอสมควร
ไมโครซอฟท์ ลูเมีย 650 (Lumia650) เป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ราคาไม่ถึงหมื่น แต่ใส่ฟีเจอร์เด่น ๆ มาครบ 
ดีไซน์ขนาดพอดีมือ จอมาตรฐาน 5 นิ้ว แบบเอชดี คมชัด สีสวย ขอบเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ทำให้ดูดี น้ำหนักเบามาก ประมาณ 122 กรัม และบาง 6.9 มม. 
เป็นลูเมีย รุ่นที่บางที่สุดของไมโครซอฟท์ 
หน่วยประมวลผลควอลคอมม์ สแนปดรากอน 212 ควอดคอร์ ความจุตัวเครื่อง 16 กิกะไบต์ เพิ่มได้ถึง 200 กิกะไบต์ ผ่านไมโครเอสดีการ์ด และยังได้สิทธิเก็บพื้นที่บนระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ที่เรียกว่า วันไดร์ฟ (One Drive) ได้อีก 
แน่นอนว่า ความโดดเด่นของวินโดวส์ 10 นั้น เหมาะกับการใช้ทำงาน ที่ปรับรูปแบบมาให้เหมือนพกคอมพิวเตอร์จอที่สอง เราสามารถทำงานเอกสารบนสมาร์ทโฟนลูเมียได้ แก้ไขเอกสารไมโครซอฟท์เวิร์ดได้ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัว สั่งงานด้วยเสียง เหมือนระบบปฏิบัติการอื่น ๆ แต่ของไมโครซอฟท์ เรียกว่า คอร์ทาน่า 
ระบบรักษาความปลอดภัยของตัวเครื่องและการเข้าถึงข้อมูล นั้นเป็นจุดเด่นของวินโดวส์ 10 เลยล่ะ จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่ภาคธุรกิจ เอามาใช้ในองค์กร 
สำหรับกล้องถ่ายรูป ลูเมีย ยังโดดเด่นเหมือนเคย กล้องหน้า 5 เมกะพิกเซล เป็นเลนส์มุมกว้าง เก็บเซลฟี่ได้หมด และคนอยู่หน้าไม่ต้องเป็นผู้เสียสละ ตัวใหญ่ หน้าบวมอืดจนน่าตกใจ 
กล้องหลัง 8 เมกะพิกเซล มีโหมดให้เลือกตามความถนัด หากไม่มั่นใจในฝีมือการถ่ายรูปของตัวเอง แนะนำให้เลือกโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงที่เป็นรูปดาว จากนั้นกดชัตเตอร์อย่างเดียว 
ถ้าเปลี่ยนเครื่องใหม่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการย้ายข้อมูลทั้งรายชื่อ ภาพถ่าย เพราะมีแอพ Transfer my Data มาด้วย แค่เปิดบลูทูธ ให้เครื่องเก่าและใหม่แพร์กัน แล้วอพยพมาบ้านใหม่ได้เลย 
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ พอเห็นว่าเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ก็อาจจะรีบแย้งว่า ใช้ยาก ไม่คุ้น ต้องมาลองก่อน เพราะวินโดวส์ 10 บนอุปกรณ์นั้น ออกแบบไอคอนได้สวยงาม ดูง่ายสะอาดตา 
แต่เรื่องแอพพลิเคชั่นบนวินโดวส์ ต้องทำใจกันนิดนึงเพราะยังมีไม่มากเหมือนแอพสโตร์ เพลย์สโตร์ หากรักลูเมีย ชอบใช้วินโดวส์ คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ 


ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ - 23 พฤษภาคม 2559

บทบาทห้องสมุดประชาชนในอนาคต


.......วันนึงผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านบทความซึ่งเขียนโดย รองศาสตราจารย์.ดร.จุมพจน์ วนิชกุล ซึ่งท่านได้เขียนไว้น่าสนใจที่เดียว จึงคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ เลยนำมาให้อ่านกันครับ.......

บทบาทของห้องสมุดกับการจัดการองค์ความรู้
 รศ.ดร. จุมพจน์ วนิชกุล*

ไม่ว่าสังคมการเรียนรู้จะพัฒนาโดยพลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนมากเพียงใด แหล่งให้บริการสารสนเทศจากอดีตสู่ปัจจุบันก็ยังคงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ได้อย่างเดิมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทบาทของห้องสมุดในฐานะที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญยังคงมีความสำคัญต่อการให้บริการแก่ผู้ใช้ และมีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อการจัดการองค์ความรู้ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในสังคมการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
สังคมการเรียนรู้ที่กำลังพัฒนาตัวเองอยู่ในขณะนี้จะเป็นสังคมที่ที่เจริญเติบโตทางปัญญาไม่ใช่เติบโตทางเศรษฐกิจและการก้าวให้ทันกับยุคสมัยของระบบทุนนิยมจนเกินไป ที่ผ่านมาเรามัวแต่คำนึงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ แล้ววัดความเจริญกันด้วยอัตราความเติบโตทางเศรษฐกิจ การดำเนินการทุกอย่างเพื่อเศรษฐกิจมนุษย์สามารถทำการรุนแรงใดๆก็ได้เช่น การก่ออาชญากรรม การก่อสงครามเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือสภาพการเมืองในแต่ละประเทศเพื่อการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ความเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงมีข้อจำกัด และนำไปสู่ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงได้ ตรงกันข้ามกับความเติบโตทางปัญญา ซึ่งไม่มีข้อจำกัด ยิ่งเติบโตยิ่งดีและนำไปสู่ความเจริญโดยรอบด้านอย่างสมบูรณ์ ในยุทธศาสตร์ทางปัญญา สังคมไทยต้องสามารถสลัดออกจากความครอบงำและการถูกสะกดไปสู่ความเป็นไท และไปสู่ฐานแห่งความมั่นใจ เราต้องมีปัญญาสร้างความมั่นใจแห่งชาติ (ประเวศ  วะสี, 2546,หน้า 5-6,11) ปัญญาที่จะสร้างความมั่นใจแห่งชาติคือปัญญาที่มาจากการสรรค์สร้างองค์ความรู้ของคนในสังคมความรู้
การสรรค์สร้างองค์ความรู้ด้วยความรู้ที่มีอยู่ในตัวคน (tacit knowledge)  เป็นการสร้างองค์ความรู้ให้สังคมได้รับรู้และเรียนรู้ด้วยกัน เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองและจากการศึกษาจากบุคคลอื่น รวมทั้งต้องอาศัยเวลา ความต่อเนื่อง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดอีกปัจจัยหนึ่งคือผู้สรรค์สร้างต้องมีขีดความสามารถ ด้านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลา
ประสบการณ์และองค์ความรู้ส่วนใหญ่จะมีการเผยแพร่มาแล้ว เป็นความรู้โดยทั่วไป (explicit knowledge) ซึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทในการให้บริการข้อมูลและตัวความรู้ต่างๆได้แก่ ห้องสมุดที่มีการให้บริการและทำหน้าที่ไปตามสภาพของการให้บริการทุกประเภท ตั้งแต่ห้องสมุดขนาดเล็ก ไปจนกระทั่งห้องสมุดขนาดใหญ่ คำถามที่ตามมา คือ ห้องสมุด หรือองค์กรต่างๆมีการพัฒนาในระบบการจัดการความรู้ได้อย่างไรและเพื่ออะไร (บดินทร์  พาณิช, 2546, 32)


* ประธานกรรมการหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารเพื่อการพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ ความรู้ และปัญญา
      ข้อมูลมีสภาพเป็นสารสนเทศได้จะต้องผ่านการประมวลผล ช่วยเสริมสร้างให้เกิดความรู้ในระดับการรับรู้ด้วยวิธีการวิเคราะห์และสังเคราะห์ ซึ่งก่อให้เกิดปัญญาในตัวคนได้ตามแผนภูมิ(นันทา วิทวุฒิศักดิ์, 2546) คือ    
ความหมายของข้อมูล (Data)
หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือการอธิบายปรากฎการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง (Haag, 2000:31)
ข้อมูลหมายถึงคำอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์ กิจกรรมหรือ ธุรกรรม ซึ่งได้รับการบันทึก  จำแนก และเก็บรักษาไว้ โดยที่ยังไม่ได้เก็บให้เป็นระบบเพื่อที่จะให้ความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งที่แน่ชัด (Turban et al., 2001: 17)
ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่แทนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในองค์การหรือสิ่งแวดล้อมทางกายภาพก่อนที่จะมีการจัดระบบให้เป็นรูปแบบที่คนสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้ (Laudon & Laudon, 1999:8)
ข้อมูลอาจจะเป็นเป็นตัวเลขตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวก็ได้ ( Stair and Reynolds, 1999:6)
ข้อมูล คือ ข้อความจริงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยอาจเป็นตัวเลข หรือข้อความที่ทำให้ผู้อ่านข้อมูลทราบความเป็นไป หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น(สุชาดา    กีระนันทน์, 2542:4)

ความหมายของสารสนเทศ (Information)
สารสนเทศ หมายถึงข้อมูลที่ได้รับการจัดระบบเพื่อให้มีความหมายและมีคุณค่าสำหรับผู้ใช้ (Turban et al , 2001 : 17 ; laudon & Laudon, 1999:8)
สารสนเทศคือข้อมูลที่มีความหมายเฉพาะภายใต้บริบท (context) ที่เกี่ยวข้อง (Haag et al., 2000:20)
สารสนเทศคือข้อความรู้ที่ประมวลได้จากข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นจนได้ ข้อสรุปเป็นข้อความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยเน้นที่การเกิดประโยชน์คือความรู้เกิดเพิ่มขึ้นกับผู้ใช้ (สุชาดา กีระนันทน์, 2542:5)


ความหมายของความรู้  (Knowledge)
ความรู้ คือ สารสนเทศควบคู่กับกระบวนเรียนรู้ (Know-how)สารสนเทศเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความรู้ เราต้องเข้าใจ วิธีที่ดีที่สุดในการใช้สารสนเทศในการแก้ปัญหา ในการผลิตสินค้าหรือบริการ (Kogut&Zander, 1992 อ้างใน Lucas, 2000 : 31)
ความรู้ประกอบด้วยข้อมูลหรือสารสนเทศที่ได้รับการจัดระบบและประมวลเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจ ประสบการณ์ การสั่งสมการเรียนรู้ และความเชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถนำไปใช้สำหรับการแก้ปัญหาปัจจุบันหรือการดำเนินงานได้ (Turban et al., 2001:17)
ความรู้คือ ความรับรู้และความเข้าใจในชุดของระบบสารสนเทศและการที่จะนำสารสน เทศไปใช้ให้เกิดประ โยชน์ใน              การสนับสนุนการทำงาน (Stair & Reynolds, 1999:6)


ความหมายของปัญญา (wisdom) 
ปัญญา คือ การรู้อย่างเชื่อมโยง 
รู้นอกตัวและรู้ในตัวอย่างมี จริยธรรม
คุณภาพของความฉลาด
พลังของความถูกต้องหรือการกระทำที่ดีบนพื้นฐานทางความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจ
บทบาทของห้องสมุดในการสร้างองค์ความรู้
ห้องสมุดนับเป็นแหล่งให้บริการความรู้และสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ใช้มาโดยตลอด องค์ความรู้เกิดจากการเรียนรู้  ผนวกกับประสบการณ์ของตนเองและการศึกษาจากบุคคลอื่น หากไม่มีการบันทึกไว้ในสื่อรูปใดรูปหนึ่งและเก็บไว้ให้ชนรุ่นหลัง ความรู้นั้นจะสูญหายไป สื่อสารสนเทศยุคแรกได้แก่รูปภาพ ที่มนุษย์ได้วาด หรือ เขียน หรือ จารไว้ตามสถานที่ต่างๆ เมื่อมีการประดิษฐ์ตัวอักษรจึงเริ่มมีการบันทึกในวัสดุที่รองรับการเขียนด้วยวัสดุประเภทต่างๆ ตั้งแต่ เยื่อไม้ ผ้า เปลือกไม้ หนังสัตว์ แผ่นดินเหนียว แผ่นหินหรือแผ่นโลหะ  ห้องสมุดจึงเป็นแหล่งสะสมและสร้างองค์ความรู้มาโดยตลอดตั้งแต่มีสารสนเทศเกิดขึ้น
 การบริหารจัดการในการบริหารจัดการสารสนเทศในห้องสมุดตั้งแต่ยุคแรกๆมาจนกระทั่งยุคปัจจุบัน ผู้บริหารห้องสมุดดำเนินการบริหารงานออกเป็น  3 ด้าน คือ  ด้านบริหารจัดการ ด้านงานเทคนิคห้องสมุด และด้านบริการสารสนเทศ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวก่อให้เกิดสภาพของการกระจายสารสนเทศ ก่อให้เกิดความรู้โดยทั่วไป และตัวผู้ใช้แต่ละคนเท่านั้นจะเกิดทักษะในการเข้าถึงสารสนเทศและเกิดความรู้ที่ชัดแจ้ง จนเกิดความรู้ในเรื่องที่ตนเองสนใจได้อย่างลึกซึ้ง
มาในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนเกียวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ห้องสมุดทุกประเภทได้ปรับตัวในการบริหารจัดการเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กระจายเพิ่มมากขึ้นตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป บทบาทของห้องสมุดในการสร้างองค์ความรู้จึงเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการจัดความรู้ มี
กระบวนการจัดการความรู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทั้งหมด 7 ขั้นตอน คือ
1. การกำหนดสารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้ที่ต้องการในเบื้องต้น หรือ การบ่งชี้ความรู้ที่ต้องการ
การบริหารงานห้องสมุดเป็นไปตามนโยบายขององค์กรหลัก ห้องสมุดจึงแบ่งเป็นประเภทต่างๆเพื่อสนองตามการดำเนินงานขององค์กรนั้น ในสังคมฐานความรู้จึงพบเห็นห้องสมุดประเภทต่างๆ กระจัดกระจายเพื่อรวบรวมและให้บริการสารสนเทศที่หลากหลาย ห้องสมุดที่มีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการสร้างความรู้สำหรับความรู้เบื้องต้น ได้แก่ ห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดมหาวิทยาลัย ในขณะที่ห้องสมุดเฉพาะทำหน้าที่ในการบริการสาระในหน่วยงานเฉพาะ และห้องสมุดที่ให้ความรู้ได้ตลอดชีวิต คือห้องสมุดประชาชน หรือ หอสมุดแห่งชาติ
โครงสร้างของการบริหารงานห้องสมุดในประเทศไทยยังไม่มีเอกภาพในการบริหารจัดการในภาพรวม ห้องสมุดประชาชนที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญและให้ความรู้แก่ประชาชนได้ตลอดชีวิต ยังมีการแบ่งโครงสร้างที่ยังไม่ลงตัวอยู่ในขณะนี้
ห้องสมุดแต่ละประเภทจะเริ่มต้นกระบวนการจัดการความรู้ในเบื้องต้นด้วยการกำหนดปรัชญา วิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ในการทำงานด้วยมาตรการและโครงการที่จะดำเนินงาน ทุกแห่งจำเป็นต้องกำหนดทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน สาระของความรู้จึงเร่มต้นต่อการตอบสนองความต้องการเบื้องต้นของหน่วยงาน และขยายขอบเขตวิธีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความรู้ในองค์กรทั้งการตอบสนองการจัดความรู้เพื่อตนเอง และการตอบสนองเพื่อให้เกิดองค์ความรู้แก่ผู้รับบริการ

2. การสร้างและแสวงหาสารสนเทศเพื่อสร้างความรู้
การกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้วยการกำหนดปรัชญา วิสัยทัศน์ และมาตรการในการทำงานมีส่วนสำคัญต่อการเริ่มสร้างและแสวงหาสารสนเทศเพื่อสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในแหล่งให้บริการสารสนเทศ กระบวนการจัดหาสารสนเทศจึงเกิดขึ้น นับตั้งแต่การสำรวจสภาพแวดล้อมขององค์กร การสำรวจความต้องการในการใช้สารสนเทศเพื่อตอบสนองการให้บริการทั้งบุคลากรในหน่วยงานและบุคลากรภายนอก
การรวบรวมสารสนเทศที่หลากหลายจึงเป็รภาระงานหลักแรกๆที่ดำเนินการ เช่น การบอกรับและสั่งซื้อสารสนเทศ การติดต่อขอรับสารสนเทศเพื่อนำมาให้บริการด้วยวิธีการต่างๆ การจัดทำสาระด้วยตนเอง ล้วนแล้วแต่ช่วยสร้างและสะสมความรู้เพื่อช่วยให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ได้ต่อไป

3. การจัดสารสนเทศเพื่อจัดการความรู้ให้เป็นระบบ
การจัดหมวดหมู่ความรู้เป็นหน้าที่ที่สำคัญของบรรณารักษ์ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้จากวิชาชีพโดยเฉพาะ มีวิธีการจัดหมวดหมู่ความรู้เกิดขึ้นในโลกตั้งแต่เมื่อ 100 ปีกว่ามาแล้ว และมีวิธีการจัดอย่างเป็นระบบ มีทั้งการจัดหมวดหมู่ที่เป็นแบบระบบปฏิบัติการและระบบการจัดหมวดหมู่ทฤษฎีรวมทั้งการจัดหมวดหมู่แบบมีการแบ่งลำดับขั้นจากกว้างไปสู่แคบ เป็นต้น การจัดหมวดหมู่เหล่านี้มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมขององค์ความรู้ กล่าวคือทำให้เห็นโครงสร้างและความเชื่อมโยงขององค์ความรู้ บรรณารักษ์จึงเกี่ยวข้องกับการจัดสารสนเทศเพื่อจัดความรู้ให้เป็นระบบ ความรู้ในระดับนี้จึงได้มาจากการรวบรวมความรู้ที่มีอยู่โดยทั่งไป (explicit knowledge) ให้มาอยู่ในที่เดียวกันด้วยการจัดระบบความรู้เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายต่อการอ่านและการนำไปใช้
การสรรค์สร้างองค์ความรู้ อาจดำเนินการได้ดังนี้ (นันทา วิทวุฒิศักดิ์, 2546)
สถาปัตยกรรมการจัดหมวดหมู่ เช่น การวิเคราะห์หมู่แบบฟาซิท การวิเคราะห์หมวดหมู่ลำดับขั้นของความรู้ การวิเคราะห์หมวดหมู่แบบเฉพาะเจาะจง ฯลฯ เป็นแนวทางในการรวบรวมจัดระบบวิเคราะห์ สังเคราะห์เรียบเรียงเป็นความรู้ใหม่
หลักการจัดประเภทความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ เช่น การใช้หัวเรื่องในการวิเคราะห์สารสนเทศ ศัพท์สัมพันธ์ ดรรชนี และการทำรายการออนไลน์ เป็นแนวทางในการรวบรวมจัดระบบวิเคราะห์ สังเคราะห์เรียบเรียงเป็นความรู้ใหม่
สถาปัตยกรรมทางจัดหมวดหมู่และหลักการจัดประเภทความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์เป็นแนวทางหรือพิมพ์เขียวในการสรรค์สร้างองค์ความรู้ได้เป็นอย่างดี บรรณารักษ์และหรือนักสารสนเทศจะต้องสร้างความมั่นคงและความก้าวหน้าให้กับวิชาชีพได้อย่างเป็นพลวัตด้วยการย้อนรอยแล้วต่อยอดภูมิปัญญาไทยที่สอดคล้องกับบริบทและยุคสมัย


4. การประมวลและกลั่นกรองสารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้
หน้าที่ในการประมวลและกลั่นกรองสารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้เป็นหน้าที่ที่สำคัญของบรรณารักษ์  ทั้งนี้บรรณารักษ์จะทำหน้าประสานงาน จัดหาความรู้หรือสารสนเทศให้แก่ผู้อ่านไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ท่ามกลางปริมาณความรู้หรือสารสนเทศที่มีเป็นจำนวนมายและอยู่ในสื่อที่มีหลายรูปแบบ การจัดการข้อมูลของบรรณารักษ์ได้แก่ การจัดหา การจัดเก็บ การค้นคืน การเข้าถึง ข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการบริการในรูปแบบต่างๆ จำเป็นต้องทำให้มีประสิทธิภาพ บรรณารักษ์ไม่สามารถตอบคำถามทุกข้อในทุกสาขาได้ แต่บรรณารักษ์มีหน้าที่สังเคราะห์-วิเคราะห์ (synthesizing analyzing) และเป็นตัวแทน (agent) หรือสื่อกลาง (mediator) ระหว่างผู้อ่านและสื่อที่บันทึก หรือระหว่างสื่อและผู้อ่าน เพียช  บัสเลอร์ (Butter, 1933) กล่าวว่าหน้าที่ของบรรณารักษ์ประกอบด้วยการรวบรวมความรู้ในสังคมและส่งต่อไปยังผู้ใช้ โดยมีความรู้บนสื่อต่างๆ เป็นพื้นฐาน ปัจจุบันปริมาณของสารสนเทศมีจำนวนมากและกระจัดกระจายอยู่ตามสื่อสารสนเทศหลายประเภท การสืบค้นข้อมูลมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ บรรณารักษ์จะต้องทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ (สุนีย์  กาศจำรูญ, 2544)
1. เข้าใจภาษา ความต้องการของผู้ใช้และกระบวนการสื่อสาร การส่งข้อมูล การถ่ายทอดและการนำความรู้ผ่านไปให้ผู้ใช้
2. กระบวนการ ความรู้บนสื่อสารสนเทศจะถูกนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์และส่งต่อไปยังผู้ใช้
โดยการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ เรียกว่า การควบคุมบรรณานุกรม (bibliographic control) ได้แก่
2.1 การจัดทำบรรณานุกรม
2.2 การวิเคราะห์หมวดหมู่และบัตรรายการ
2.3 งานสืบค้นทางออนไลน์ 
2.4 งานสืบค้นโดยใช้หัวเรื่องต่างๆ 
2.5 งานดรรชนีและสาระสังเขป
บรรณารักษ์จำเป็นต้องใช้วิธีการต่างๆ   ดังกล่าวเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้อง  ครบถ้วน    ทันสมัย รวดเร็ว และตรงกับความต้องการของผู้ใช้ บทบาทเหล่านี้เมื่อดำเนินการตามแนวทางการสรรค์สร้างองค์ความรู้ผนวกกับฐานความรู้ ย่อมสามารถต่อยอดวิชาชีพให้สามารถสรรค์สร้างองค์ความรู้ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. การเข้าถึงความรู้
กระบวนการจัดการความรู้ที่ก่อให้เกิดสภาพการเข้าถึงความรู้ที่เกิดจากสารสนเทศประเภทต่างๆที่หลากหลายที่มีให้บริการอยู่ในห้องสมุดล้วนมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเห็นความสำคัญต่อสื่อสารสนเทศประเภทต่างๆที่ห้องสมุดได้จัดทำและให้บริการห้องสมุดแต่ละประเภทจะต้องมีวิธีการสร้างนิสัยในการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในตัวผู้ใช้บริการ มีวิธีการ สร้างสภาพแวดล้อมของการให้บริการด้วยวิธีการอำนวยความสะดวกต่างๆ และมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการให้บริการภายในห้องสมุดที่ดี  จะเป็นการบริหารยุทธศาสตร์ทางปัญญา  คือ การที่จะต้องช่วยกันให้คนทั้งประเทศเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ถ้าคนทั้งประเทศมีนิสัยในการเรียนรู้ก็จะเรียกร้องขอบริการข่าวสารตลอดจนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้ 
บทบาทของบรรณารักษ์ในห้องสมุดจึงมีส่วนในการกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนแปลงนิสัยจากการอ่านและท่องจากตำราให้เป็นเรียนรู้จากตำราแล้วนำไปปฏิบัติ ทดลองเพื่อปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงจากตำราที่อ่าน จะเป็นการเข้าถึงความรู้เพื่อจัดการความรู้เดิมที่ตนเองมีอยู่ได้

6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้
ห้องสมุดในอดีตส่วนใหญ่มักคำนึงถึงการจัดเก็บความรู้และให้บริการการค้นคว้าด้วยตนเองเป็นหลัก กระบวนการจัดการความรู้ในลักษณะการแบ่งปันความรู้มีค่อนข้างน้อย ทั้งนี้เพราะผู้ใช้แต่ละคนจะเกิดความรู้ด้วยตนเอง เกิดลักษณะความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้น เป็นความรู้ที่ฝังลึก แต่ความรู้ดังกล่าวไม่ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ใช้บริการคนอื่นๆ โดยการจัดกิจกรรมกลุ่ม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกิจกรรมต่างๆ การเชิญวิทยากรให้ความรู้ หน้าที่ของบรรณารักษ์ฝ่ายบริการในระยะหลัง จึงปรับปรุงลักษณะการให้บริการที่หลากหลายเพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ในสภาพของการจัดการห้องสมุดมีชีวิต มีการจัดกิจกรรมกลุ่มเพิ่มเติมมากขึ้น และเน้นในการดึงความรู้ความสามารถของสมาชิกในกลุ่มเป็นตัวกลางในการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมมาสนทนาหรือประชุมกลุ่มได้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่กำลังสนใจในประเด็นเรื่องเดียวกัน
เราจึงเห็นกิจกรรมการประชุมทางวิชาการที่ห้องสมุดรับทำหน้าที่ในการดำเนินการฝึกอบรม ให้มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน บางกิจกรรมใช้กระบวนการทางวิจัยที่เน้นการวิจัยแบบมีส่วนร่วม (participation action research) และบรรณารักษ์ที่ได้รับการอบรมด้านวิจัยมาโดยเฉพาะจะเน้นกิจกรรมการให้บริการที่เน้นให้ผู้ใช้ได้รับบริการการเรียนรู้ที่ผ่านการจัดทำกิจกรรมของห้องสมุดให้ได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา

7. การเกิดกระบวนการเรียนรู้ใหม่
โลกในยุคของสารสนเทศสังคมสื่อสารด้วยเทคโนโลยี (ICT) เอื้ออำนวยให้ผู้ใช้บริการจากห้องสมุดทุกประเภทเข้าถึงสารสนเทศ (information) ที่เกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ผ่านกระบวนช่องทางของการสื่อสาร (communication) ในระบบอินเทอร์เน็ตและได้รับสารสนเทศใหม่ๆจากเทคโนโลยีสารสนเทศ (technology) ในสภาพการให้บริการสารสนเทศผ่านการค้นจากฐานข้อมูลที่ได้จัดสรรความรู้ในทุกสาขาวิชาที่เป็นระบบ หรือจากสารสนเทศสำเร็จรูปจากการเรียนรู้ด้วยตนเองจากแบบเรียนสำเร็จรูป หรือ สารสนเทศสำเร็จรูปอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะอื่นๆ
การบริหารจัดการของห้องสมุดยุคใหม่ในปัจจุบันจึงก้าวทันไปกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการสารสนเทศที่เปลี่ยนแปลงไป บรรณารักษ์จึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้องค์ความรู้ในลักษณะที่เป็นผู้มีส่วนร่วมในสังคมของการจัดการความรู้อยู่ในขณะนี้ เปลี่ยนแนวความคิดของผู้ใช้บริการจากการที่ถือว่าฐานความรู้มาจากตำราที่ผู้ใช้ต้องศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง” ไปสู่  “การถือว่าฐานความรู้มาจากการปฏิบัติจากการศึกษาค้นคว้าและผู้ปฏิบัติเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ”ซึ่งศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ  วะสี  (2546 : 39 -41)  ได้กล่าวถึงกระบวนการเกิดองค์ความรู้เพื่อก่อให้เกิดปัญญาว่าควรทำให้เกิดการก้าวกระโดดทางปัญญาทั้งชาติ เพื่อทำให้คนไทยรู้ความจริงอย่างทั่วถึง การรู้ความจริงเป็นฐานของปัญญา  การไม่รู้ความจริงหรือรู้ความไม่จริงทำให้ด้อยปัญญา  หรือปัญญาเสื่อม  ซึ่งในสมัยก่อนไม่สามารถทำให้คนทั้งสังคมรู้ความจริงกันทั้งหมดได้  แต่สมัยนี้ด้วยเทคโนโลยี  สามารถทำให้คนทั้งหมดรู้ความจริงถึงกันและพร้อมกันได้  จึงเป็นโอกาสแห่งการอภิวัตน์ทางปัญญาเพื่อการอยู่ร่วมกัน การทำให้รู้ความจริงอย่างทั่วถึงควรแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ข้อมูลข่าวสารและแหล่งการเรียนรู้  และ การสื่อสาร
ข้อมูลข่าวสารอันเป็นความรู้ที่ถูกต้อง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนและทุกหน่วยของสังคม เปรียบเสมือนเป็น “ดีเอนเอทางสังคม” เซลล์ทุกเซลล์มีดีเอนเอ ซึ่งมีความยาว 3,000 ล้านตัวอักษร อันเป็นข้อมูลข่าวสาร (information) ที่ไปกำหนดโครงสร้างและการทำหน้าที่ของเซลล์  ถ้าข่าวสารผิดไป บางที่แม้แต่ตัวเดียวใน 3,000 ล้านตัว ก่อให้เกิดความผิดปกติรุนแรงมาก
ถ้าทุกคนและทุกหน่วยในสังคมมีข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องก็จะทำให้มีปัญญาเพื่อทำให้ถูกต้องได้ ขณะนี้ยังมีการขาดข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องบ้าง หรือได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชัดเจน ปฏิบัติไม่ได้ หรือเป็นเท็จ (ทุสนเทศ) บ้าง จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสร้างระบบข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นในชีวิตและการทำงาน โดยทำความรู้แต่ละเรื่องให้ชัดเจน แม่นยำ เข้าใจง่าย มีประโยชน์จริง และลดทุสนเทศลงในสังคมที่ซับซ้อนการรู้ความจริงเท่าที่สัมผัสได้ไม่พอเพราะความจริงจากประสบการณ์อาจหลอกเราได้จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลให้เป็นสาระที่ทำให้เข้าใจความจริงได้ลึกขึ้น
การสื่อสาร ควรมีระบบสื่อสารให้รู้ถึงกัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกรูปแบบ ทั้งสื่อสารสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต สื่อสารไม่ควรจะเป็นเครื่องมือของรัฐและธุรกิจเท่านั้น แต่ควรจะเป็นเครื่องมือของประชาชนในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันวิทยุชุมชนเป็นตัวอย่างของการสื่อสารที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพที่สุด ราคาก็ถูก และประชาชนเป็นผู้มาสื่อสารด้วยตนเองในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตชุมชน อย่างน้อย 8 เรื่อง คือ
1.เรื่องการทำมาหากิน 
2.เรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม     
3.เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ
4. เรื่องการศึกษา 
5.เรื่องศาสนา 
6.เรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่น 
7.เรื่องดินฟ้าอากาศ 
8.เรื่องบ้านเมืองและโลก

 ทั้ง 8 เรื่อง ล้วนเป็นสาระของกระบวนการจัดการสารสนเทศที่มีอยู่แล้วในห้องสมุด บรรณารักษ์เพียงแต่นำแนวความคิดไปจัดทำกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ในเรื่องเฉพาะเจาะจงได้ การเกิดกระบวนการเรียนรู้ใหม่ๆจึงเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา เป็นพลวัตของสารสนเทศที่ครบวงจรของการเกิด การใช้ และการเพิ่มพูนสารสนเทศ  ห้องสมุดจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งบริการการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดกระบวนการสร้างองค์ความรู้ได้ในสังคมฐานความรู้ในยุคปัจจุบัน



บรรณานุกรม

กฤษณา  วงษาสันต์. (2542).  วิถีไทย.  กรุงเทพมหานคร: เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น.
ทิพวรรณ  หล่อสุวรรณรัตน์.  (2545). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ Management Information 
  Systems. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
นันทา วิทวุฒิศักดิ์. (2546). เส้นทางการจัดการสารสนเทศสู่การจัดการความรู้ ประยุกต์จากหลักการวิเคราะห์
หมวดหมู่. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.
บดินทร์  พานิช. (2546). เริ่มต้นรู้จัก Knowledge management.  CIO FORUM, 1(2), 31-32.
พิทยา  ว่องกุล.  (2541).  “คำนำ”  ในเสน่ห์  จามริก.   ฐานคิดสู่ทางเลือกใหม่ของสังคมไทย. 
กรุงเทพมหานคร: โครงการวิถีทรรศน์.
ประเวศ  วะสี.  (2546).  ยุทธศาสตร์ทางปัญญา เพื่ออนาคตของประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิ
  สื่อสร้างสรรค์.
วินัย  วีระวัฒนานนท์.  (2535).  มนุษย์ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา.  กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชน
  สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. 
สุชาดา  กีระนันทน์.  (2542).   เทคโนโลยีสารสนเทศสถิติ: ข้อมูลในระบบสารสนเทศ (พิมพ์ครั้งที่ 2 ).
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุนีย์  กาศจำรูญ. (2539).  การจัดประเภทความรู้. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

Bliss, H. E.  (1939).   Libraries and the organization of knowledge.  New York: Wilson.
Butter, P. (1933).  An introduction to library science. Chicago: University of Chicago Press.   
Drabenstott, K. M., & Vizine-Goetz, D. (1994).  Using subject headings for online 
retrieval: Theory, practice, and potential. San Diego, California: Academic Press.
Fugmann, R. (1993).  Subject analysis and indexing: Theoretical foundation and pracical  
advice. (Textbooks for Knowledge Organization v.1) Frankfurt/Main: Indeks Verlag.
Gates, J. K. (1989).  Guide to the use of libraries and information services (6th ed). 
  New York: McGraw-Hill.  
Haag. S., Cummings. M., & Dawkins, J. (2000).   Management information systems for the 
information age (2nd ed.).  Toronto: Irwin McGraw Hill.  
Hunter, E. J.  (1995).   Classification made simple.  Vermont: Gower.
Kogut, B., & Zander, U. (1992). Knowledge of the firm, combinative capabilities, and the 
replication of technology.”   Organizational Science, 3, 383-397.
Lancaster, F. W.  (1972).  Vocabulary control for information retrieval.  Washington, 
  D.C. , Information Resources Press.
Laudon, K. C., & Laudon, J. P. (1999).  Essentials  of  management  information  systems:  
Transformaing  business  and  management.  New Jersey: Prentice Hall.
Lucas, H. C., Jr.  (2000).   Information technology for management ( 7th  ed). New York: 
McGraw-Hill. 
Stair, R.M., & Reynolds, G. W. (1999).  Principles  of  information  systems: A  managerial 
Approach (4th ed). Cambridge, MA: Course Technology.  
Turban, E., Mclean E., & Wetherbe, J. (2001).  Introduction to information technology.   Toronto:  John Wiley & Sons.


ที่มา : www.wachum.org/dewey/000/chumkm1.doc